



ในสมรภูมิการลงทุนนาฬิกาหรู ที่เต็มไปด้วยการเก็งกำไรระยะสั้น คำถามสำคัญที่นักกลยุทธ์ต้องประเมินไม่ใช่แค่รุ่นไหนราคาขึ้นเร็ว แต่เป็นรุ่นไหนคือสินทรัพย์ถาวรที่แท้จริง หลายคนมุ่งไปที่โมเดลสปอร์ตเหล็กจนมองข้าม Rolex Datejust ลงทุนทำกำไร ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างพอร์ตที่มั่นคง อะไรคือเบื้องหลังปรากฏการณ์นี้
ในขณะที่โมเดลสปอร์ตเปรียบเสมือนหุ้นเติบโต (Growth Stocks) ที่มีความผันผวนสูง มันกลับแสดงคุณลักษณะของหุ้นกู้ชั้นดี (Investment-Grade Bond) ในพอร์ตนาฬิกามันคือเสถียรภาพ หัวใจสำคัญอยู่ตรงที่สภาพคล่อง (Liquidity) และการยอมรับในวงกว้าง (Universal Acceptance) ที่หาตัวจับได้ยาก มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการเก็งกำไรสุดโต่ง แต่ถูกสร้างมาเพื่อคงมูลค่า (Store of Value)
เมื่อวิเคราะห์ในเชิงลึกจะพบว่า มันคือโมเดลที่มียอดการซื้อขายในตลาดมือสองมากเป็นอันดับต้นๆของ Rolex (อ้างอิงจาก Bob’s Watches) มันทำหน้าที่เป็นประตูบานแรกสำหรับผู้เริ่มต้น และเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสำหรับนักสะสมผู้ช่ำชอง นี่คือจุดแข็งที่ตลาดมองข้าม (4 มีนาคม 2025) [1]
จุดชี้ขาดอยู่ที่ความสามารถในการแปลงเป็นเงินสด โดยแทบไม่สูญเสียมูลค่า Datejust ได้ทลายกำแพงระหว่างของใช้ฟุ่มเฟือยกับสินทรัพย์ลงทุน มันทำหน้าที่ทั้งสองอย่างพร้อมกันได้อย่างสมบูรณ์ ในขณะที่ผู้ลงทุนหน้าใหม่ยังคงแสวงหาคำตอบว่าควร เลือกนาฬิกาหรูลงทุน เริ่มอย่างไร ผู้มีประสบการณ์จะมองเห็นว่า มันคือคำตอบที่สมดุลที่สุดระหว่างอุปสงค์และอุปทาน
ความน่าเชื่อถือนี้ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน RolexเปิดตัวDatejustปี1945 ในฐานะนาฬิกาข้อมือโครโนมิเตอร์แบบกันน้ำเรือนแรกของโลกที่มีหน้าต่างวันที่บนหน้าปัด รากฐานทางประวัติศาสตร์นี้สร้างความชอบธรรม (Legitimacy) ที่โมเดลอื่นไม่มี การสืบทอดมรดกทางนวัตกรรมนี้เองที่ทำให้มูลค่าของมันแข็งแกร่ง ไม่ว่าสภาวะการณ์ตลาดจะเป็นเช่นไร
ข้อมูลสถิติยืนยันสมมติฐานนี้อย่างชัดเจน Bob’s Watches 2025 รายงานว่า โมเดลวินเทจคลาสสิกอย่าง Datejust แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของมูลค่ารวม 639% ในช่วงปี 2010 ถึง 2025 (21 กรกฎาคม 2025) [2]
ในขณะที่ Chrono24 Magazine 2025 รายงานว่า โมเดลร่วมสมัยอย่างรุ่น 36 (Ref. 126234) หน้าปัดน้ำเงิน มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบ 44% นับตั้งแต่ปี 2020 (16 กุมภาพันธ์ 2024) [3]
ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นถึงความมั่นคงของมูลค่า (Value Stability) ที่เหนือกว่าสินทรัพย์อื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน

การที่ Datejust ลงทุนทำกำไร ได้นั้น ไม่ได้มาจากกระแสความนิยมเพียงอย่างเดียว แต่มาจากปัจจัยพื้นฐานที่จับต้องได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนวัตกรรมภายใน หากประเมินตามกรอบกลยุทธ์ นี่คือการลงทุนในเทคโนโลยี และนวัตกรรมวัสดุศาสตร์มากกว่าแค่ชื่อแบรนด์
สำหรับยุคใหม่ (หลังปี 2015-2018) กลไก Calibre 3235 คือตัวเปลี่ยนเกมที่แท้จริง กลไกนี้มีสิทธิบัตรถึง 14 ฉบับ มาพร้อมพลังงานสำรอง 70 ชั่วโมง มี Chronergy Escapement ที่ทำจากนิกเกิล-ฟอสฟอรัส ซึ่งไม่ตอบสนองต่อสนามแม่เหล็ก
นี่คือการอัปเกรดทางวิศวกรรม ที่รับประกันความเที่ยงตรงและอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการคงมูลค่าในระยะยาว (23 มีนาคม 2017) [4]
ข้อวินิจฉัยที่เฉียบคมคือ มันไม่ใช่สินทรัพย์ที่จะทำกำไร 300% ในหนึ่งปี มันถูกออกแบบมาเพื่อชนะเงินเฟ้อ และรักษาความมั่งคั่ง
ตลาดนาฬิกามือสองกำลังเข้าสู่ภาวะปกติใหม่ (New Normal) หลังจากการพุ่งขึ้นของราคาอย่างบ้าคลั่งในช่วงปี 2021-2022 รายงานจาก Luxeconsult ประเมินว่าตลาดนาฬิกามือสองจะเติบโตจาก 2.5 หมื่นล้านฟรังก์สวิสในปี 2024 ไปสู่ 7.9 หมื่นล้านฟรังก์สวิสภายในปี 2033 ปัจจัยนี้เป็นลมส่ง (Tailwind) ที่แข็งแกร่ง
ข้อสรุปเชิงวิเคราะห์คือ มันไม่ใช่แค่นาฬิกา แต่เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยง (Risk Management Tool) ในพอร์ตการลงทุนของสะสม การจัดสรรเงินทุนคือการเดิมพันกับความแน่นอน (Certainty) และ ประวัติศาสตร์มากกว่าการไล่ตามกระแส มันคือสินทรัพย์ที่ออกแบบมาเพื่อส่งต่อ ไม่ใช่เพื่อขายต่อในระยะสั้น
ท้ายที่สุดการที่ Rolex ทำกำไรได้นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาของตลาดเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความเข้าใจในคุณค่าที่แท้จริงของมัน นั่นคือการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบ ระหว่างวิศวกรรมชั้นสูง ประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และสภาพคล่องที่หาที่เปรียบไม่ได้ นี่คือสินทรัพย์ที่นักลงทุนทุกคนควรมีไว้ในครอบครอง

