



Rolex คือคำตอบที่ง่ายที่สุดในโลกการลงทุนนาฬิกา แต่ก็เป็นคำตอบที่ซับซ้อนที่สุดเช่นกัน ไม่ใช่ทุกเรือนที่มีมงกุฎจะสร้างผลตอบแทนเท่ากัน จากประสบการณ์ของผม การแยก ของดี ออกจาก ของฮิต คือหัวใจสำคัญ นี่คือบทวิเคราะห์ที่จะ ฟันธง ให้คุณเห็นว่า Rolex รุ่นไหนน่าลงทุนที่สุด และทำไมนาฬิกาบางเรือนถึงทำหน้าที่ได้ดีกว่าทองคำเสียอีก
ก่อนจะเจาะจงรุ่น เราต้องเข้าใจ ปรากฏการณ์ Rolex กันก่อน
ประเด็นคือ Rolex ไม่ได้ขายนาฬิกา พวกเขาขายความไว้วางใจที่จับต้องได้ มันคือแบรนด์เดียวในโลกที่คนทั่วไปสามารถระบุรุ่นได้ทันทีจากอีกฟากของห้อง นี่คือสินทรัพย์สภาพคล่องสูงที่สุดบนข้อมือ
ถ้าให้ผมอุปมาอุปไมย การซื้อ Sport Steel ก็เหมือนการซื้อที่ดินแปลงสวยใจกลางเมือง มันอาจจะไม่ใช่ที่ดินที่ราคาพุ่งแรงที่สุดในบางจังหวะ แต่มันคือที่ดินที่ ไม่มีวันไร้มูลค่า
เมื่อเราพูดถึงการลงทุนใน Rolex หัวใจสำคัญอยู่ตรงที่ Professional Models หรือที่เรียกกันติดปากว่า Sport Steel
ทำไม? เพราะนี่คือ นาฬิกาเครื่องมือ ที่สร้างประวัติศาสตร์ Submariner สำหรับนักดำน้ำ GMT-Master สำหรับนักบิน Daytona สำหรับนักแข่งรถ วัสดุ Oystersteel 904L ของพวกเขา กลายเป็นสัญลักษณ์ของ การได้มายาก มากกว่าทองคำหรือแพลทินัมในรุ่น Dress Watch เสียอีก
มูลค่าของ Rolex ไม่ได้เกิดขึ้นข้ามคืน มันคือการบ่มเพาะที่ใช้เวลากว่าครึ่งศตวรรษ
จุดนี้ต้องเน้นย้ำว่า ในช่วง 30-40 ปีแรก รุ่นเหล่านี้เป็นเพียง นาฬิกาใช้งาน ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่งในช่วง 10-15 ปีหลังนี้เอง โดยเฉพาะหลังวิกฤตการณ์เงินปี 2008 ที่ผู้คนเริ่มมองหาสินทรัพย์ทางเลือกที่จับต้องได้
ข้อมูลคือเครื่องยืนยันความแข็งแกร่ง
แม้ว่าตลาดนาฬิกาหรูมือสองจะมีการปรับฐานครั้งใหญ่ในช่วงปี 2022-2023 แต่ดัชนีราคา (Rolex Market Index) จากแพลตฟอร์ม WatchCharts ยังคงแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่น่าทึ่งในระยะยาว 5 ปี (2020-2025) โดยให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี S&P 500 ในช่วงเวลาเดียวกัน (2 พฤศจิกายน 2025) [1]
นี่แสดงให้เห็นถึงการรักษามูลค่า (Value Retention) ที่แข็งแกร่งของ Rolex รุ่นไหนน่าลงทุนที่สุด แม้ในภาวะตลาดหมี

โอเค เข้าเรื่องเนื้อๆ ถ้าคุณมีงบจำกัดและต้องเลือก นี่คือข้อวินิจฉัยของผม
เราจะข้ามรุ่นคลาสสิกอย่าง Datejust หรือ Day-Date ไปก่อน ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ในเกม การลงทุน ที่เน้นผลตอบแทนและสภาพคล่อง รุ่น Sport Steel คือ ราชา อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
นี่คือ ต้นแบบของนาฬิกาดำน้ำทั้งปวง มันคือไอคอนที่แท้จริง
ข้อวินิจฉัยเชิงลงทุน ทำไมถึงน่าลงทุน? เพราะมันคือ ความสมบูรณ์แบบที่น่าเบื่อ มันคือดีไซน์ที่ไม่เคยตกยุคในรอบ 70 ปี
เคล็ดลับส่วนตัวเลยคือ ให้มองหาตัว No-Date (Ref. 124060) มันสมมาตรกว่า คลีนกว่า และเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ดั้งเดิม (Ref. 5513) มากที่สุด เป็นจุดเริ่มต้นที่ปลอดภัยและแข็งแกร่งที่สุด
ถ้า Submariner คือความคลาสสิก GMT-Master II คือ เสน่ห์ และ สีสัน
ข้อวินิจฉัยเชิงลงทุน จุดแข็งของมันคือ ขอบเซรามิกสองสี (Cerachrom) ที่ผลิตได้ยาก โดยเฉพาะ Pepsi(แดง/น้ำเงิน) คือสิ่งที่ตลาดต้องการสูงสุด ปรัชญาของมันคือ มันไม่ใช่แค่นาฬิกาบอกเวลา 2 ไทม์โซน แต่มันคือตั๋วสู่คลับของนักเดินทางระดับโลก
นี่คือที่สุดของความต้องการ (The Hype King)
ข้อวินิจฉัยเชิงลงทุน Daytona คือปรากฏการณ์ที่อุปสงค์ (Demand) ทิ้งห่างอุปทาน (Supply) ไปไกลหลายช่วงตัว การรอคอย Daytona หน้าปัดขาว (Ref. 116500LN Panda) จาก AD (Authorized Dealer) อาจใช้เวลา 5-10 ปี หรือ ตลอดไป นี่ทำให้ราคาในตลาดมือสองพุ่งสูงกว่าราคาป้าย 2-3 เท่า (แม้จะมีการปรับฐานลงมาบ้าง) (30 กันยายน 2024) [2]
การได้ Daytona ที่ราคาป้าย คือการถูกลอตเตอรี่ครับ
พูดกันแบบตรงไปตรงมา นี่คือตัวเลขที่สะท้อนความจริงของตลาด
ตัวเลขเหล่านี้ชี้ชัดว่า Daytona คือผู้ชนะในแง่ % ผลตอบแทนแต่ GMT และ Submariner ก็คือ สินทรัพย์ชั้นดี ที่ปลอดภัยและมีความต้องการสม่ำเสมอ
สุดท้ายแล้ว คำถามว่า Rolex รุ่นไหนน่าลงทุนที่สุด จะนำคุณกลับมาที่ 3 รุ่นหลักนี้ (Sub, GMT, Daytona)
เคล็ดลับที่สำคัญกว่าคือ อย่าไล่ตามกระแส แต่จงลงทุนในตำนาน ที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้ว 50-70 ปี การลงทุนใน Rolex คือเกมระยะยาว มันคือการเดิมพันกับแบรนด์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับการ เลือกนาฬิกาหรูลงทุน เริ่มอย่างไร
การลงทุนใน Rolex ไม่ใช่แค่การซื้อเหล็กกล้า แต่คือการซื้อ ประวัติศาสตร์ ที่สวมใส่ได้
ไม่ว่าคุณจะเลือก Submariner GMT หรือ Daytona จงจำไว้ว่า Rolex รุ่นไหนน่าลงทุนที่สุด คำตอบคือรุ่นที่คุณเข้าใจประวัติศาสตร์ของมัน ชื่นชมกลไก Calibre ภายในของมัน และพร้อมที่จะถือครองมันในระยะยาว นั่นคือการลงทุนที่แท้จริง

