Datejust โมเดลที่น่าหลงใหล ตำนานที่ต้องมีไว้ในกรุ

Datejust โมเดลที่น่าหลงใหล

ในวงการของนาฬิกาชั้นสูง ชื่อของ Rolex Datejust ไม่ได้เป็นเพียงแค่นาฬิกา มันเปรียบเป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ของความสำเร็จ มันได้เปิดตัวครั้งแรกในปี 1945 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการ เพราะมันเป็นนาฬิกาเรือนแรกของโลกที่ได้มีการแสดงวันที่ๆสามารถเปลี่ยนวันได้อัตโนมัติ มันคือผลผลิตที่ต่อยอดจากนวัตกรรมพลิกโลกของ Rolex Oyster ตำนานความคลาสสิค ซึ่งได้กำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับวงการนาฬิกาตั้งแต่แรกเริ่มรายละเอียด

  • เลนส์ขยายวันที่ Cyclops Lens
  • คุ้มค่าแก่การลงทุนหรือไม่
  • 36mm vs 41mm

ถอดรหัส Datejust โมเดลที่น่าหลงใหล

Datejust ไม่ได้เป็นเพียงแค่นาฬิกาที่บอกวันที่ได้เท่านั้น มันเปรียบเสมือนการผสมผสานของวิศวกรรมแห่งความแม่นยำ และสุนทรียภาพแห่งการออกแบบได้อย่างลงตัวแบบจัดจ้าน

หัวใจที่สุดสำคัญคือกลไกการแสดงวันที่ผ่านช่องหน้าต่างขนาดเล็กตรงตำแหน่งของ 3 นาฬิกา พร้อมเลนส์ขยายวันที่ Cyclops Lens อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ Rolex ได้ทำการคิดค้นขึ้นในปี 1953 ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ทำให้ มันเป็นโมเดลที่คนรักนาฬิกาต้องอิน แตกต่างจากนาฬิกาอื่นๆ ในท้องตลาด

วัสดุที่มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ Oystersteel ไปจนถึง Rolesor (ผสมระหว่างสตีลและทอง) ทำให้มันตอบโจทย์ในทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าคุณจะสวมใส่ในชีวิตประจำวัน หรือในงานที่ต้องการความหรูหรา
ที่มา : นวัตกรรมแห่งความสง่างาม (สืบค้นเมื่อ 28 ตุลาคม 2025) [1]

Datejust VS Day-Date ใครคือเดอะ King

ผู้คนส่วนมากมักจะสับสนกันระหว่าง Datejust และ Day-Date ซึ่งเป็นนาฬิกาที่มีดีไซน์คล้ายคลึงกัน แต่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน Day-Date ที่ได้เปิดตัวในปี 1956 นั้นมีความเหนือกว่าด้วยการแสดงชื่อวันเต็มๆ พร้อมกับวันที่

ในส่วนของวัสดุ Day-Date ผลิตจากโลหะมีค่าเพียงเท่านั้น (ทองคำ 18K หรือแพลทินัม) ทำให้มูลค่าสูงกว่ามาก ในขณะที่ Datejust โมเดลที่น่าหลงใหล มีตัวเลือกที่เข้าถึงง่ายกว่าด้วย Oystersteel ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ แมสกว่า และมีความหลากหลายในการใช้งานจริงมากกว่า

การเลือกจึงขึ้นอยู่กับงบประมาณของคนที่สนใจเป็น หากต้องการความหรูหรา Day-Date คือคำตอบ แต่หากต้องการ นาฬิกา ที่ผสมผสานความสง่างาม และความสมบุกสมบันได้อย่างลงตัว

รีวิวแบบไม่มีอวย ฟันธงจุดแข็งและจุดที่ต้องพิจารณา

จุดแข็งอยู่ที่ มันดูเตะตา และสร้างความมั่นใจได้ทันทีที่คุณได้ใส่ หนึ่งในนั้นคือความทนทานต่อกาลเวลา ทั้งในแง่ของดีไซน์และคุณภาพของกลไก Calibre ที่ได้รับความเชื่อถือมายาวนาน
ดีไซน์คลาสสิกนี้ทำให้มันไม่เคยตกยุคสมัย และง่ายต่อการจับคู่กับเสื้อผ้าในทุกสไตล์

นาฬิการุ่นนี้ยังถือได้ว่ามีสภาพคล่องสูงมากในตลาดมือสอง ทำให้การลงทุนถือเป็นสินทรัพย์ที่มีการการันตีมูลค่าในระดับหนึ่งเลย

จุดที่ต้องพิจารณา ด้วยความนิยมที่พุ่งขึ้นอย่างมาก ทำให้ราคาในตลาดมือสองสูงกว่าราคา Official Boutique มากพอสมควร และเนื่องจากมีโมเดลย่อยเยอะมากมาย การตัดสินใจเลือกขนาด วัสดุ หรือหน้าปัดที่ใช่จริงๆ อาจทำให้ผู้ซื้อหน้าใหม่รู้สึก งุนงง ได้

Datejust คุ้มค่าแก่การลงทุนจริงหรือ

จากมุมมองส่วนมากของผู้เชี่ยวชาญ ตลาดมือสองมีการเติบโตอย่างมาก แหล่งข้อมูลของ Chrono24 ระบุเอาไว้ว่า บางรุ่นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ในตลาดมือสอง ช่วงปี 2024 ถึงแม้ตลาดโดยรวมจะชะลอตัวก็ตาม (13 มิถุนายน 2025) [2]

ยิ่งป็นรุ่นที่มาพร้อมกับ “Fluted Bezel” และ “Jubilee Bracelet” จะมีความต้องการในตลาดมือสองสูงกว่าอย่างมาก เช่น 41mm ในวัสดุ Rolesor มีราคามือสองที่สูงมากกว่าราคา Retail ปกติ ทำให้เห็นถึงความต้องการของตลาดที่มีอยู่มาก

ปรากฏการณ์ กับมูลค่าที่ไม่เคยแผ่ว

Datejust โมเดลที่น่าหลงใหล

สิ่งที่ยังคงทำให้มันมีความสำคัญมากกว่านาฬิกาทั่วไปก็คือ เรื่องราวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ตัวมันเองได้สร้างไว้

มันเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างฟังก์ชัน การใช้งานในชีวิตประจำวัน กับความหรูหรา และยังสามารถส่งต่อเป็นมรดกได้อีกด้วย ทำให้มันเป็นตัวเลือกแรกๆของคนที่ต้องการ นาฬิกาเรือนเดียวที่จบครบทุกโอกาส ซึ่งแตกต่างจากนาฬิกา ที่สร้างขึ้นมาเพื่อภารกิจเฉพาะเจาะจง เช่น Daytona โครโนกราฟ แห่งการแข่งขัน สำหรับสนามแข่งรถ หรือ Speedmaster สถิติเหนือน่านฟ้า สำหรับการการสำรวจอวกาศ

ไม่ว่าคุณจะมองในมุมของวิศวกรรมความแม่นยำ หรือ ในแง่ของดีไซน์ที่คลาสสิคไม่มีวันล้าสมัย มันได้พิสูจน์ตัวมันเองแล้วว่า มันคือมาตรฐานของความหรูหราแบบคงกระพัน

36mm vs 41mm

ขนาดระหว่าง 36mm และ 41mm นั้นเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันไม่จบไม่สิ้นในสังคมคนรักนาฬิกา 36mm ถือเป็นขนาดดั้งเดิมและคลาสสิก ที่มีความวินเทจ และเหมาะสำหรับข้อมือที่เล็กกว่า หรือคนที่ชอบความสวยแบบสุภาพ

ข้อมูลการวิเคราะห์ตลาดล่าสุด รูปแบบความนิยมขนาดของนาฬิกา Rolex กำลังจะเปลี่ยนไป โดยในรุ่น 36 มม. กลับมาได้รับความนิยมอย่างมากในตลาด รายงานของ DMARGE (เดือนกันยายน 2025) อ้างอิงข้อมูลจาก Chrono24 พบว่ารุ่น 36 มม. เป็นรุ่นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในปีนี้ โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นอื่นๆ ที่ +5.54% (22 กันยายน 2025) [3]

ดูโอ้สุดคลาสสิกที่นิยาม Datejust

ถ้าเราพูดถึง องค์ประกอบหนึ่งที่ขาดไม่ได้ และเป็นที่ต้องการสูงสุดก็คือ ขอบหน้าปัดแบบ Fluted Bezel (ขอบหยัก) และสายนาฬิกาแบบ Jubilee Bracelet ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษในปี 1945

Fluted Bezel ที่ทำจากทองคำหรือไวท์โกลด์ ไม่ใช่มีไว้แค่เพื่อความสวยเท่านั้น แต่มันมีหน้าที่ช่วยสะท้อนแสง ทำให้นาฬิกาดูเปล่งประกาย และมีมิติสุกสกาวเมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟ ส่วน Jubilee Bracelet ที่ประกอบด้วยข้อต่อขนาดเล็ก 5 ชิ้น ทำให้นาฬิกามีความยืดหยุ่นและสวมใส่สบายมากขึ้น

เจาะลึกรุ่นที่เป็น Talk of the Town ในปีนี้

ในปี 2025 มีโมเดลแยกย่อยหลายรุ่นที่ถูกพูดถึง และเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดทั่วไป หนึ่งในนั้นต้องยกให้รุ่น 41mm หน้าปัดสีเขียวมิ้นต์ (Mint Green) ที่ให้ลุคที่ดูสดใส แต่ยังคงความหรูหราไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

อีกรุ่นหนึ่งที่ยังคงความฮิตคือตัว 36mm หน้าปัดสีน้ำเงิน (Azzurro Blue) ที่มาพร้อมกับหลักชั่วโมงแบบโรมัน ทำให้ลุคดูวินเทจและมีระดับ โมเดลเหล่านี้ส่วนใหญ่มีราคามือสองที่สูงกว่ารุ่นปกติ เนื่องจากความต้องการของตลาดที่ยังมากล้น

การเลือกโมเดลที่กำลังเป็นเทรนด์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่แฟชั่น แต่มันคือการลงทุนในนาฬิกาที่มีแนวโน้มรักษามูลค่าได้ดีในอนาคต ทำให้มันเป็นทางเลือกที่ฉลาดเฉลียวสำหรับนักสะสมยุคใหม่

สรุปความเป็น Datejust โมเดลที่น่าหลงใหล

Datejust โมเดลที่น่าหลงไหล ได้ยืนอยู่ในฐานะของนาฬิการะดับตำนานมานานกว่า 80 ปี ด้วยปรัชญาการออกแบบที่ยึดมั่นในความงดงาม และความน่าเชื่อถือ ทำให้มันเป็นที่ยอมรับในแทบจะทุกวงการ มันเป็นนาฬิกา ที่สะท้อนถึงรสนิยมที่แยบยลของผู้สวมใส่ โดยที่ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศบอกความสำเร็จ

เหมาะกับนักลงทุน หรือ นักสะสม มากกว่ากัน

คำถามนี้เป็นที่ถกเถียงกันไม่จบ แต่จากข้อมูลเชิงสถิติ และความต้องการของตลาด สามารถตอบโจทย์ได้ครบทั้งสองกลุ่ม โดยมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันเล็กน้อย สำหรับนักลงทุนควรโฟกัสไปที่โมเดลยอดนิยมที่มาพร้อมกับ Bezel/Bracelet แบบคอมโบที่กล่าวไปแล้ว

เหตุผลที่ จะยังคงอมตะตลอดไป

Datejust คือนิยามของความสมดุลในโลกนาฬิกา มันสมดุลระหว่างความคลาสสิก และความร่วมสมัย ระหว่างความหรูหราที่ใช้ได้จริง และการลงทุนที่มั่นคง อาจด้วยเพราะประวัติศาสตร์อันยาวนาน นวัตกรรมที่ต่อเนื่อง และการสร้างสรรค์ที่พิถีพิถันของ Rolex จึงได้ทำให้มันเป็นมากกว่านาฬิกา

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง