



คำถามว่า ปั่นจักรยาน ไม่ให้ขาใหญ่ สะท้อนความกังวลสำคัญ แต่นี่ไม่ใช่การเสี่ยงทาย มันคือผลลัพธ์ของแทคติกการฝึกที่เลือกใช้ จุดชี้ขาดไม่ได้อยู่ที่การปั่นแต่อยู่ที่วิธีที่คุณปั่น คุณกำลังวางเกมแพลนเพื่อพละกำลังหรือความทนทาน นี่คือบทวิเคราะห์ที่นักกีฬาต้องเข้าใจ
หากประเมินตามกรอบกลยุทธ์ การปั่นจักรยานมีเกมแพลนสอง แบบที่ให้ผลลัพธ์ทางกายภาพตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง นี่คือกรณีศึกษาที่ชัดเจนที่สุด
ลองเปรียบเทียบนักกีฬาจักรยานสองขั้วที่ชัดเจน Track Sprinter หรือนักปั่นจักรยานลู่ระยะสั้น กับ นักไต่เขาใน Tour de France
นักปั่นจกรยานลู่วางกลยุทธ์ เพื่อพละกำลังระเบิดในเสี้ยววินาที ผลลัพธ์คือ Muscle Hypertrophy หรือการขยายขนาดกล้ามเนื้อที่ต้นขามหาศาล พวกเขาฝึกเหมือนนักยกน้ำหนัก แต่นักไต่เขาวางกลยุทธ์เพื่อประสิทธิภาพที่ยั่งยืน ผลลัพธ์คือกล้ามเนื้อที่ลีนแต่ทนทานสูงมาก
Muscle Hypertrophy คือคำศัพท์เชิงวิชาการที่หมายถึง การเติบโตของเซลล์กล้ามเนื้อ มันเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อถูกบังคับให้ทำงานต้านแรงสูงๆ ซ้ำๆ นี่คือสิ่งที่นักเพาะกายต้องการ
และนี่คือสิ่งที่นักปั่นที่กลัวขาใหญ่เผลอทำโดยไม่รู้ตัว เมื่อคุณใช้เกียร์หนัก และรอบขาต่ำคุณกำลังจำลองการฝึก Weight Training บนอานจักรยาน คุณกำลังส่งสัญญาณให้ร่างกายสร้างกล้ามเนื้อส่วนนั้น ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรับมือกับแรงต้านมหาศาล
ในอดีตการปั่นคือความรู้สึก แต่นักวิเคราะห์และโค้ชยุคใหม่ใช้ข้อมูลการมาถึงของ Power Meter หรือ วัตต์มิเตอร์ คือนวัตกรรมที่เปลี่ยนเกมโดยสิ้นเชิง มันทำให้นักกีฬาสามารถวัดผลผลิตเป็นวัตต์ได้อย่างแม่นยำ
Power Meter ถูกบุกเบิกในระดับอาชีพช่วงปลายทศวรรษ 1980 ก่อนหน้านี้ โค้ชวัดผลการฝึกด้วยความเร็วหรืออัตราการเต้นหัวใจ แต่ตัวแปรเหล่านั้นผันผวนตามลม ความชัน หรือความเหนื่อยล้า (18 สิงหาคม 2023) [1]
“วัตต์” คือค่ามาตรฐานสากลที่แท้จริง Power Meter อนุญาตให้โค้ชอ่านเกมขาด พวกเขาสามารถสั่งโปรแกรมฝึกที่แม่นยำ เช่น การฝึกโซน 2 (Endurance) ที่วัตต์ต่ำๆ เพื่อเผาผลาญไขมัน หรือการฝึกโซน 6 (Anaerobic) ที่วัตต์สูงลิบเพื่อสร้างพละกำลัง นี่คือจุดเริ่มต้นของการแยกการฝึก

ข้อเท็จจริงที่น่าขบคิดคือ ขาไม่ได้ใหญ่ขึ้นมาลอยๆ มันคือผลลัพธ์โดยตรงของกลยุทธ์การปั่นที่คุณเลือก การปั่นจักรยานส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างกล้ามเนื้อขนาดมหึมา แต่คือการปั่นผิดวิธีต่างหาก
รอบขาคือจำนวนครั้งที่ขาจานหมุนครบรอบในหนึ่งนาที หรือ RPM นี่คือตัวแปรชี้ขาดทางกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุด
กลยุทธ์ขาใหญ่ปั่นที่ Cadence ต่ำ (ต่ำกว่า 70 RPM) + เกียร์หนัก นี่คือการจำลอง “Weight Training” ร่างกายจะเรียกใช้ใยกล้ามเนื้อชนิด Fast-Twitch Type II ซึ่งเป็นใยกล้ามเนื้อที่ใหญ่ขึ้นได้ง่าย
กลยุทธ์ขาเรียวปั่นที่ Cadence สูง (คงที่ 85 ถึง 100+ RPM) + เกียร์เบาหรือปานกลาง นี่คือกลยุทธ์ของ “ความทนทาน” มันบังคับให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดทำงานหนัก ไม่ใช่แค่ระบบกล้ามเนื้อ มันเรียกใช้ใยกล้ามเนื้อ Slow-Twitch Type I ซึ่งทนทานและไม่ขยายขนาด
ข้อมูลจริงจากนักกีฬาอาชีพคือ หลักฐานที่ดีที่สุด หากประเมินตามกรอบกลยุทธ์ นักปั่นอาชีพคือผู้เชี่ยวชาญในการหลีกเลี่ยงการล้าของกล้ามเนื้อโดยไม่จำเป็น
สถิติจาก Tour de France ยืนยันว่านักปั่นระดับโลกรักษารอบขาเฉลี่ยไว้ที่ 90 ถึง 100 RPM แม้ขณะไต่เขา พวกเขาควงขาอย่างรวดเร็วในเกียร์ที่เบา นี่คือแทคติกเพื่อประหยัดกล้ามเนื้อ และใช้ประสิทธิภาพของระบบคาร์ดิโอที่เหนือมนุษย์ให้เป็นประโยชน์ (20 กรกฎาคม 2022) [2]
ในทางกลับกัน Track Sprinter (นักปั่นจักรยานลู่) ฝึกด้วยเกียร์ที่หนักมหาศาล และรอบขาที่ต่ำในช่วงเร่งความเร็ว สถิติชี้ว่าพวกเขาสามารถสร้างพลังงานสูงสุดได้เกิน 2,500 วัตต์ ในเสี้ยววินาที นี่คือการฝึกเพื่อพละกำลัง และมวลกล้ามเนื้อโดยตรง (21 กุมภาพันธ์ 2019) [3]
ข้อสรุปเชิงวิเคราะห์คือ จงหยุดกลัวจักรยานแต่จงบริหารตัวแปรให้เป็น คำตอบของการไม่ให้ขาใหญ่คือการเปลี่ยนเกมแพลนของคุณ จากการเน้นเกียร์หนักหรือ Strength ไปสู่การเน้นรอบขา นี่คือกลยุทธ์สำคัญในการ ปั้นหุ่น ฟิตหัวใจ โดยไม่รับผลลัพธ์ที่คุณไม่ต้องการ
การปั่นจักรยานไม่ใช่เกมเสี่ยงโชค ที่จะบอกว่าขาใหญ่หรือไม่ แต่มันคือเกมกลยุทธ์ที่คุณควบคุมได้ การรู้ว่า เล่นกีฬา แล้วได้อะไร ขึ้นอยู่กับอาวุธที่คุณเลือกใช จงเลือกรอบขา หรือ Cadence เป็นอาวุธหลัก ไม่ใช่ความหนัก หรือ Resistance

